ฮวงจุ้ยประตูบ้าน จัดพื้นที่ทางเข้าบ้าน ทางเข้าดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ประตูบ้านเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการรับสิ่งดี ๆ เข้าสู่ภายในบ้าน เป็นส่วนที่ผู้อยู่อาศัยต้องใช้งานต้องเดินผ่านอยู่บ่อยครั้ง โดยปกติแล้วเหล่าซินแสจะให้ความสำคัญกับประตูบ้านมากกว่าส่วนใด ๆ ซึ่งจะมีองค์ประกอบร่วมกับส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่รั้วบ้าน ทางเดินเข้าบ้าน พื้นที่หน้าบ้าน สำหรับเนื้อหาชุดนี้เป็นการแนะนำวิธีจัดฮวงจุ้ยประตูบ้านอย่างง่าย อ่านจบแล้วสามารถทำตามได้ทันที จะมีรายละเอียดอย่างไร อ่านกันต่อเลยครับ
1. เริ่มต้นจากรั้ว : รั้วที่ดีควรเป็นรั้วโปร่ง ไม่ปิดทึบ วิธีการตรวจเช็คง่าย ๆ ว่ารั้วที่บ้านของเราโปร่งหรือทึบ ให้ลองคำนวณด้วยสายตาดูว่า มีส่วนปิดทึบเกิน 50% หรือไม่ หากเกินนับว่าเป็นรั้วทึบ หากไม่เกินเป็นรั้วโปร่ง รั้วบ้านที่ดีจึงต้องเป็นรั้วที่ลมสามารถพัดพาพลังงานเข้ามาสู่ตัวบ้านได้ง่ายนั่นเองครับ แต่ทั้งนี้กรณีที่รั้วทึบแต่ต่ำดั่งเช่นในภาพประกอบด้านบนนี้ นับว่าเป็นรั้วโปร่ง ถูกหลักฮวงจุ้ยครับ
2. หน้าบ้านโล่ง กว้าง : พื้นที่หน้าประตูบ้านนับเป็นส่วนพักรวมพลังงาน ควรเคลียร์พื้นที่ให้ดูโล่งอยู่เสมอ ไม่ควรนำสิ่งของมาวางเกะกะ โดยให้มองพื้นที่ทั้งหมดเริ่มต้นจากรั้วมาสู่ประตูหลักของบ้าน ไม่ควรมีต้นไม้มาบดหรือวัตถุใดมาบังหน้าประตู หากต้องการปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงา ควรเลือกปลูกเยื้องประตูหลัก เพื่อให้เกิดช่องทางพลังงานเข้าได้อย่างสะดวก
3. ตำแหน่งต้องห้าม : ตำแหน่งประตูหน้าบ้าน นับเป็นอีกสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งกับการอยู่อาศัย ตำแหน่งดีย่อมนำพลังงานด้านบวกเข้าสู่ภายในบ้าน ตำแหน่งไม่ดีพลังบวกอาจเข้าได้ยากหรืออาจมีพลังงานด้านลบเข้ามาทดแทน ซึ่งจะมีตำแหน่งต้องห้าม ดังนี้
- ไม่ควรจัดวางในตำแหน่งที่ตรงกันข้ามกับประตูเพื่อนบ้านที่อยู่หน้าบ้านของเรา เนื่องจากมักส่งผลให้เกิดการปะทะกันเกิดขึ้น ผู้อยู่อาศัยรู้สึกถึงความไม่เป็นส่วนตัว ไม่สงบ กรณีที่เลี่ยงไม่ได้หรือออกแบบผิดไว้ตั้งแต่ต้น อาจทำการต่อเติมเฉลียงหน้าบ้าน เพื่อให้เป็นส่วนบดบังต่อกัน เฉลียงยังเป็นส่วนกักเก็บพลังงานได้ดีอีกด้วยครับ แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องดูดีไซน์และพื้นที่ของบ้านเป็นหลัก เพราะบ้านบางหลังอาจไม่เหมาะกับการต่อเติมในแบบดังกล่าว
- ไม่ควรให้ตำแหน่งของประตูตรงกับเสาไฟฟ้า เนื่องด้วยเสาไฟจัดเป็นพลังงานด้านลบ ซึ่งส่งผลไม่ดีกับผู้อยู่อาศัย
- ไม่ควรให้ตำแหน่งของประตูบ้าน ตรงกับประตูรั้วหน้าบ้าน เนื่องด้วยจะเกิดพลังงานในลักษณะพุ่งเข้าสู่ตัวบ้าน ซึ่งนับเป็นพลังงานที่แรงเกินพอดี
4. บานประตูบ้านใหญ่ กว้าง : มาถึงส่วนประตูบ้าน บ้านที่ดีควรต้องมีประตูที่ใหญ่กว้าง สูง โปร่ง ให้ความรู้สึกโอ่อ่า เพื่อให้พลังงานบวกเข้าสู่ตัวบ้านได้ดีนั่นเองครับ สำหรับบางบ้านอาจสงสัยว่า ประตูหลักอยู่ส่วนใด ให้ผู้อ่านสังเกตุบ้านของตนเองว่าใช้ประตูไหนมากที่สุดให้นับประตูนั้นเป็นประตูหลัก โดยไม่สำคัญว่าประตูจะอยู่ด้านหน้าหรือด้านข้างของบ้าน ประตูไหนใช้งานจริงเป็นประจำ ประตูนั้นนับเป็นประตูหลักของบ้านครับ
5. เปิดใช้งานอยู่เสมอ : แม้จะทำตามทั้ง 4 ข้อที่ผ่านมาแล้ว หากประตูไม่ได้เปิดให้อากาศถ่ายเทก็อาจไม่ต่างอะไรกับผนังที่ปิดทึบ จึงต้องเป็นประตูที่เปิดใช้งาน เปิดให้อากาศถ่ายเทบ่อยๆ แต่ทั้งนี้ประเทศไทยยุงค่อนข้างชุก ผู้อ่านอาจเลือกติดมุ้งลวดอีกชั้น เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้พร้อมกับป้องกันยุงไปในตัวครับ
6. พื้นที่หลังประตู : เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้ว พื้นที่ภายในบ้านหลังประตูหลักของบ้าน ควรเป็นพื้นที่โปร่งโล่งเช่นกัน ไม่ควรมีสิ่งของใดมาขวางกั้นเส้นทางเดิน เพราะจะเป็นตัวปิดกั้นพลังงาน นอกจากนี้แล้วการนำสิ่งของมาวางในตำแหน่งประตู ยังส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้โดยง่ายอีกด้วย เพราะเป็นเส้นทางเดินซึ่งบางครั้งผู้อยู่อาศัยอาจไม่ทันระมัดระวัง กรณีใช้งานยามค่ำคืน เส้นทางเดินควรติดตั้งไฟทางเดินหรือไฟตำแหน่งประตูไว้ด้วย ปัจจุบันมีไฟเซ็นเซอร์ส่องทางจำหน่าย ผู้อ่านอาจซื้อมาติดตั้งเพิ่มเติมบนผนังทางเดิน ระบบเซ็นเซอร์จะตรวจจับความเคลื่อนไหว เปิดไฟให้เราโดยอัตโนมัติเมื่อเดินผ่าน และปิดให้อัตโนมัติเมื่อไม่มีสิ่งเคลื่อนไหว ช่วยให้สะดวกในยามค่ำคืนครับ
7. ประตูหลักห้ามตรงกับประตูหลังบ้าน : เมื่อมองจากหน้าประตูบ้าน เข้าสู่ภายในบ้าน ตำแหน่งของประตูหน้าและหลัง ไม่ควรให้มองเห็นตรงกัน เนื่องด้วยพลังงานบวกที่เข้ามาจะออกไปโดยทันที แต่หากบ้านใครออกแบบมาผิด ตรงส่วนนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการหาตู้มาวางกั้น หรือนำผ้าม่านมาปิดกั้นไว้อีกชั้น เป็นการลดทอนการรั่วไหลของพลังงานได้ดีครับ
เรื่องฮวงจุ้ย เป็นเรื่องใกล้ตัวและไม่ใช่เรื่องราวของไสยศาสตร์ ในทางกลับกันเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์และวัดผลได้ การจัดฮวงจุ้ยให้ประตูบ้าน ไม่ได้เป็นเรื่องยากเลยใช่ไหมครับ เราทุกคนสามารถจัดด้วยตนเองได้อย่างง่าย หลักการสำคัญของเนื้อหาชุดนี้คือเส้นทางของพลังงานเข้าออกนั่นเอง เพียงแค่จัดให้ดูเป็นระเบียบ โล่งสบายตา เมื่อเดินผ่านไปผ่านมาจิตใจของเราย่อมรู้สึกเบิกบาน เมื่อจิตใจเบิกบาน ย่อมส่งผลให้คุณภาพชีวิต หน้าที่การงานและการเงินดีขึ้นได้นั่นเองครับ
ที่มา : banidea.com